ฮอร์โมนเอสโตรเจน คืออะไร

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง แต่สามารถพบได้ในปริมาณน้อยในผู้ชาย ฮอร์โมนเอสโตรเจนถูกผลิตขึ้นส่วนใหญ่ในรังไข่ ควบคุมรอบประจำเดือน และการตั้งครรภ์

หน้าที่ของฮอร์โมนเอสโตรเจน

1.ควบคุมรอบประจำเดือน และการเจริญพันธุ์

  • มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrium) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ หากไม่มีการปฏิสนธิ ระดับเอสโตรเจนจะลดลง ส่งผลให้มีการลอกเยื่อบุโพรงมดลูกออกมาเป็นประจำเดือน
  • ช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของไข่ในรังไข่ และกระตุ้นการตกไข่ในช่วงกลางของรอบเดือน

2.พัฒนาลักษณะทางเพศของผู้หญิง

ช่วยในการพัฒนาอวัยวะเพศหญิง เช่น มดลูก รังไข่ และช่องคลอด รวมถึงการพัฒนาลักษณะทางเพศทุติยภูมิ เช่น การเพิ่มขนาดของหน้าอก สะโพกที่กว้างขึ้น และการเกิดขนบริเวณอวัยวะเพศ และรักแร้

3.รักษาความแข็งแรงของกระดูก

ช่วยในการรักษาความหนาแน่นของกระดูก โดยทำหน้าที่ป้องกันการสลายของกระดูก เมื่อระดับเอสโตรเจนลดลง โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) จะเพิ่มขึ้น

4.ป้องกันการสะสมของไขมันในหลอดเลือด

ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด การลดลงของเอสโตรเจนในวัยหมดประจำเดือนอาจทำให้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

5.รักษาสมดุลของระดับคอเลสเตอรอล

ช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ

6.กระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ

บริเวณที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูก นอกจากนี้ยังช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของช่องคลอด ลดการระคายเคือง และส่งเสริมความพร้อมทางเพศ

7.รักษาความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นของผิวหนัง

ช่วยให้ผิวมีความอ่อนเยาว์และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อระดับเอสโตรเจนลดลง ผิวอาจแห้งและบางลง

8.ควบคุมอารมณ์และการทำงานของสมอง

ลดความเครียด และส่งเสริมอารมณ์ที่ดี ความไม่สมดุลของเอสโตรเจนอาจทำให้เกิดอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน

ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายของผู้หญิงเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาต่าง ๆ ของรอบเดือน  และช่วงอายุ เช่น การตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน ระดับเอสโตรเจนในแต่ละช่วงมีระดับที่ต่างกันออกไป

  • อายุ: ระดับเอสโตรเจนจะสูงในวัยเจริญพันธุ์และลดลงในวัยหมดประจำเดือน
  • สุขภาพ: ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น PCOS อาจทำให้ระดับเอสโตรเจนผิดปกติ
  • ยาหรือการรักษา: การใช้ยาคุมกำเนิดหรือการรักษาด้วยฮอร์โมนอาจส่งผลต่อระดับเอสโตรเจน

ภาวะฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล

ภาวะฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล (Estrogen imbalance) หมายถึง สถานการณ์ที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย

อาการของฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล

  1. ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือขาดประจำเดือน
  2. ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกตอนกลางคืน
  3. กระดูกเปราะ หรือกระดูกพรุน
  4. ผิวเริ่มแห้ง ผมร่วง
  5. อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล ซึมเศร้า
  6. ความต้องการทางเพศลดลง
  7. เนื้องอกในมดลูก หรือมีถุงน้ำในรังไข่
  8. น้ำหนักเพิ่ม มีไขมันสะสมตามร่างกาย

วิธีปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจน

  1. การปรับอาหาร
    • เพิ่มการรับประทานไฟเบอร์: ไฟเบอร์ช่วยในการกำจัดเอสโตรเจนส่วนเกินออกจากร่างกายผ่านระบบทางเดินอาหาร อาหารที่มีไฟเบอร์สูงได้แก่ ผัก ผลไม้ ข้าวโอ๊ต เมล็ดพืช และธัญพืชเต็มเมล็ด
    • รับประทานไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens): สารประกอบในพืชที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ เมล็ดแฟลกซ์ (flaxseed) และถั่วพิสตาชิโอ ไฟโตเอสโตรเจนสามารถช่วยปรับสมดุลของระดับเอสโตรเจนในร่างกายได้
    • ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง: อาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง และอาหารแปรรูป สามารถเพิ่มการผลิตเอสโตรเจนในร่างกาย ควรเลือกบริโภคไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด และปลาแซลมอน
    • ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี: น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีอาจทำให้ระดับเอสโตรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น การลดการบริโภคน้ำตาลช่วยให้สมดุลของฮอร์โมนดีขึ้น
  2. การออกกำลังกาย
    • การออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยลดไขมันในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทในการผลิตเอสโตรเจน หากมีไขมันในร่างกายมาก เอสโตรเจนจะถูกผลิตมากขึ้น ดังนั้นการออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ จะช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน
    • โยคะและการฝึกหายใจ: การฝึกโยคะหรือการฝึกหายใจช่วยลดความเครียดและส่งเสริมสมดุลฮอร์โมน ความเครียดสูงอาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล ดังนั้นการผ่อนคลายจึงสำคัญ
  3. การจัดการความเครียด
    • ฝึกสมาธิและการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย: ความเครียดส่งผลโดยตรงต่อสมดุลของฮอร์โมน เช่น คอร์ติซอลและเอสโตรเจน การฝึกสมาธิ ทำโยคะ หรือใช้เทคนิคการหายใจสามารถช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลฮอร์โมนได้
    • นอนหลับให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อสมดุลของฮอร์โมน การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยให้ระบบฮอร์โมนทำงานได้ดี
  4. การเสริมฮอร์โมนทางการแพทย์
    • ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy – HRT): สำหรับผู้หญิงที่มีภาวะเอสโตรเจนต่ำ การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน เช่น เอสโตรเจนในรูปแบบยาเม็ด แผ่นแปะ หรือครีม สามารถช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุล
  5. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ
    • ตรวจระดับฮอร์โมน: การพบแพทย์เพื่อตรวจระดับฮอร์โมนเป็นระยะสามารถช่วยติดตามสมดุลฮอร์โมนในร่างกายได้ ซึ่งสำคัญในการป้องกัน และแก้ไขภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลตั้งแต่เนิ่น ๆ

การปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจนด้วยวิธีการเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน

รักษาผู้มีบุตรยาก, มีบุตรยาก, เด็กหลอดแก้ว

นัดหมายปรึกษาแพทย์

iBaby Fertility & Genetic Center
ชั้น 11 อาคารแอทธินี ทาวเวอร์
จันทร์ – เสาร์ เวลา 8.00 – 16.00 น.

สอบถามเพิ่มเติม

Tel : +6621688640
Tel : +6621688641
Tel : +6621688642
Tel : +6621688643
Mail : info@iBabyFertility.com
Line : @iBaby