ภาวะภูมิแพ้ตัวเอง

ภาวะภูมิแพ้ตัวเอง หรือ โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune Diseases) เป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อระบบภูมิคุ้มกันที่ปกติจะมีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม กลับเกิดการโจมตีเนื้อเยื่อหรืออวัยวะของตัวเอง ทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายในร่างกาย


ตัวอย่างโรคในกลุ่มภูมิแพ้ตัวเอง

  1. โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis – RA):
    • ภูมิคุ้มกันโจมตีข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม และอักเสบ
  2. โรคแพ้ภูมิตัวเองทั่วร่าง (Systemic Lupus Erythematosus – SLE):
    • ส่งผลต่อผิวหนัง ข้อ อวัยวะภายใน และหลอดเลือด
  3. โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis):
    • เกิดความผิดปกติที่ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นหนาและมีอาการคัน
  4. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes):
    • ภูมิคุ้มกันโจมตีเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน
  5. โรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาชิโมโตะ (Hashimoto’s Thyroiditis):
    • ทำให้ต่อมไทรอยด์บกพร่องและฮอร์โมนลดลง
  6. โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis – MS):
    • ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงและชาบริเวณต่าง ๆ

สาเหตุ

สาเหตุของโรคภูมิแพ้ตัวเองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องมีดังนี้:

  • พันธุกรรม: คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคในกลุ่มนี้
  • ฮอร์โมน: พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิง
  • สิ่งแวดล้อม: เช่น การติดเชื้อ ความเครียด หรือสารเคมีบางชนิด
  • ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน: ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดพลาดจนโจมตีเซลล์ปกติของร่างกาย

อาการทั่วไป

อาการของโรคในกลุ่มนี้จะแตกต่างกันไปตามอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ แต่อาการทั่วไปที่พบได้คือ:

  • อ่อนเพลียเรื้อรัง
  • มีไข้ต่ำ
  • อาการอักเสบ เช่น ปวด บวม หรือแดงในบริเวณที่มีปัญหา
  • ผื่นผิวหนัง
  • ข้อฝืดหรือตึงในช่วงเช้า
  • ผมร่วง

การวินิจฉัย

การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ตัวเองทำโดย:

  1. การซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจอาการและดูความผิดปกติในร่างกาย
  2. การตรวจเลือด: เช่น
    • การตรวจหาสารภูมิต้านทาน (Autoantibodies)
    • การตรวจระดับโปรตีนอักเสบ (CRP หรือ ESR)
  3. การตรวจพิเศษ: เช่น การตรวจภาพรังสี (MRI, CT scan) หรือการตัดชิ้นเนื้อ

การรักษา

เนื่องจากไม่มีการรักษาให้หายขาด การรักษามุ่งเน้นการควบคุมอาการและป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม เช่น:

  1. การใช้ยา:
    • ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น Steroids, Methotrexate
    • ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs): บรรเทาอาการปวดและอักเสบ
  2. การรักษาเฉพาะโรค: เช่น การฉีดอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1
  3. การดูแลสุขภาพตัวเอง:
    • ออกกำลังกายเบา ๆ สม่ำเสมอ
    • รับประทานอาหารที่สมดุล
    • ลดความเครียด
รักษาผู้มีบุตรยาก, มีบุตรยาก, เด็กหลอดแก้ว

นัดหมายปรึกษาแพทย์

iBaby Fertility & Genetic Center
ชั้น 11 อาคารแอทธินี ทาวเวอร์
จันทร์ – เสาร์ เวลา 8.00 – 16.00 น.

สอบถามเพิ่มเติม

Tel : +6621688640
Tel : +6621688641
Tel : +6621688642
Tel : +6621688643
Mail : info@iBabyFertility.com
Line : @iBaby