ภาวะภูมิแพ้ตัวเอง หรือ โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune Diseases) เป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อระบบภูมิคุ้มกันที่ปกติจะมีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม กลับเกิดการโจมตีเนื้อเยื่อหรืออวัยวะของตัวเอง ทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายในร่างกาย
ตัวอย่างโรคในกลุ่มภูมิแพ้ตัวเอง
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis – RA):
- ภูมิคุ้มกันโจมตีข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม และอักเสบ
- โรคแพ้ภูมิตัวเองทั่วร่าง (Systemic Lupus Erythematosus – SLE):
- ส่งผลต่อผิวหนัง ข้อ อวัยวะภายใน และหลอดเลือด
- โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis):
- เกิดความผิดปกติที่ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นหนาและมีอาการคัน
- โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes):
- ภูมิคุ้มกันโจมตีเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน
- โรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาชิโมโตะ (Hashimoto’s Thyroiditis):
- ทำให้ต่อมไทรอยด์บกพร่องและฮอร์โมนลดลง
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis – MS):
- ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงและชาบริเวณต่าง ๆ
สาเหตุ
สาเหตุของโรคภูมิแพ้ตัวเองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องมีดังนี้:
- พันธุกรรม: คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคในกลุ่มนี้
- ฮอร์โมน: พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิง
- สิ่งแวดล้อม: เช่น การติดเชื้อ ความเครียด หรือสารเคมีบางชนิด
- ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน: ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดพลาดจนโจมตีเซลล์ปกติของร่างกาย
อาการทั่วไป
อาการของโรคในกลุ่มนี้จะแตกต่างกันไปตามอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ แต่อาการทั่วไปที่พบได้คือ:
- อ่อนเพลียเรื้อรัง
- มีไข้ต่ำ
- อาการอักเสบ เช่น ปวด บวม หรือแดงในบริเวณที่มีปัญหา
- ผื่นผิวหนัง
- ข้อฝืดหรือตึงในช่วงเช้า
- ผมร่วง
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ตัวเองทำโดย:
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจอาการและดูความผิดปกติในร่างกาย
- การตรวจเลือด: เช่น
- การตรวจหาสารภูมิต้านทาน (Autoantibodies)
- การตรวจระดับโปรตีนอักเสบ (CRP หรือ ESR)
- การตรวจพิเศษ: เช่น การตรวจภาพรังสี (MRI, CT scan) หรือการตัดชิ้นเนื้อ
การรักษา
เนื่องจากไม่มีการรักษาให้หายขาด การรักษามุ่งเน้นการควบคุมอาการและป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม เช่น:
- การใช้ยา:
- ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น Steroids, Methotrexate
- ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs): บรรเทาอาการปวดและอักเสบ
- การรักษาเฉพาะโรค: เช่น การฉีดอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1
- การดูแลสุขภาพตัวเอง:
- ออกกำลังกายเบา ๆ สม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่สมดุล
- ลดความเครียด

นัดหมายปรึกษาแพทย์
iBaby Fertility & Genetic Center
ชั้น 11 อาคารแอทธินี ทาวเวอร์
จันทร์ – เสาร์ เวลา 8.00 – 16.00 น.
สอบถามเพิ่มเติม
Tel : +6621688640
Tel : +6621688641
Tel : +6621688642
Tel : +6621688643
Mail : info@iBabyFertility.com
Line : @iBaby