จะมีสักกี่คนที่ทราบจริง ๆ ว่า มดลูก ที่ปกติหรือสุขภาพดีนั้นเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วสาวๆ อาจจะลืมไปว่าตัวเองมีของดีอยู่กับตัว เพราะมดลูกถือเป็นอวัยวะที่โดดเด่นและนี่คือจุดเด่นของเพศหญิงเลยนะคะ เพราะมดลูกจำเป็นต่อการให้กำเนิดและหล่อเลี้ยงชีวิตน้อย ๆ ที่อยู่ในครรภ์ แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาว ๆ จะลืมหรือไม่ได้ให้ความสำคัญกับมดลูกเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ช่วงที่ตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือน
ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะดูเหมือนแค่กวนใจ แต่อาจจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงจนกระทบกับการเจริญพันธ์ุได้ อย่างมดลูกหย่อนหรือมดลูกต่ำ มดลูกอักเสบ มดลูกผิดปกติ
รู้จัก “มดลูก”
มดลูกปกติจะมีลักษณะเหมือนลูกแพร์หรือลูกชมพู่ที่วางคว่ำลง มดลูกของผู้หญิงอยู่ส่วนไหนทราบกันไหมคะ มดลูกจะอยู่ภายในอุ้งเชิงกราน และอยู่ตรงกลางระหว่างกระเพาะปัสสาวะและทวารหนัก
มีความยาวโดยประมาณจะอยู่ที่ 7.5-8 เชนติเมตร กว่างประมาณ 5 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 30-40 กรัม มีผนังกล้ามเนื้อที่หนากำลังดี โดยแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ มดลูกส่วนบน หรือที่เรียกว่า Fundus ตัวของมดลูก (Body) หรือ คอร์ปัส (Corpus) โพรงมดลูก หรือที่เรียกว่า Isthmus ปากมดลูก หรือที่เรียกว่า Cervix จะเป็นส่วนล่างสุดที่เชื่อมต่อกับช่องคลอด
ทั้งนี้ส่วนต่าง ๆ จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป โดยหน้าที่หลักของมดลูกคือการเจริญพันธุ์ นั่นก็เป็นเพราะว่าภายในมดลูกจะมีสิ่งที่เรียกว่า เยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อถึงเวลาจะมีลักษณะที่หนาขึ้น รองรับทำหน้าที่ในการฝังตัวของตัวอ่อน
มดลูกยังสามารถขยายใหญ่ขึ้นได้หลายเท่าตัว เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นตามขนาดของตัวอ่อนที่พัฒนา จนกลายเป็นทารกในครรภ์ของเหล่าคุณแม่ ในทางกลับกันหากไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ ทั้งเยื่อบุโพรงมดลูกและไข่ ก็จะหลุดออกมากลายเป็นประจำเดือน
ไม่ใช่ว่าสาวทๆ ทุกคน จะเกิดมาพร้อมกับมดลูกที่ปกติ บางครั้งความผิดปกติทางโครงสร้างของมดลูก ก็จะส่งผลต่อภาวะการเจริญพันธ์ุตลอดจนการตั้งครรภ์ จากข้อมูลของ March of Dimes มีผู้หญิงเพียง 3% เท่านั้นที่เกิดมาพร้อมกับรูปร่างหรือโครงสร้างของมดลูกที่ผิดปกติ และสำหรับปัญหาที่พบได้บ่อยของผู้หญิงคือ ความผิดปกติบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ในบางกรณีความผิดปกติของมดลูกอาจทำให้เจ็บปวดหรือแท้งได้บ่อยครั้ง เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
ความผิดปกติของมดลูก
มดลูกผิดปกติแต่กำเนิด
หรือ Congenital uterine anomalies เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากการที่ร่างกายพัฒนาอวัยวะในส่วนของมดลูกที่ผิดปกติ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน มีเลือดออกผิดปกติซึ่งอาจจะเกิดในช่วงที่มีหรือไม่มีประจำเดือนก็ได้ มีตกขาวผิดปกติ มีจำนวนการแท้งที่สูง และมีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด และบางรายอาจส่งผลให้เกิดภาวะมีลูกยากได้เช่นกัน
มดลูกแฝด หรือ มี 2 มดลูก (Double Uterus, Uterus didelphys) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการมีมดลูกผิดปกติแต่กำเนิด ในบางกรณีการมีมดลูกแฝดนั้นเป็นการเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ แต่ในบางกรณีก็ทำให้เสี่ยงแท้มากกว่าปกติ ผู้หญิงที่มีมดลูกแฝดอาจทำให้มีรอบเดือน 2 ครั้งต่อเดือน เพราะในบางครั้งแต่ละมดลูกจะตกไข่แยกกัน
ในเคสที่เป็นข่าวต่างประเทศ คือเหตุการณ์ที่คุณแม่ชาวบังกลาเทศที่มีการตั้งครรภ์ทั้ง 2 มดลูกพร้อมกันแต่คลอดไม่พร้อมกัน (bbc) และอีกหนึ่งเหตุการณ์ของผู้หญิงชาวอเมริกันที่มี 2 ช่องคลอด 2 มดลูก และ 2 ปากมดลูก (dailymail)
มดลูกสมบูรณ์ข้างเดียว ( Unicornuate Uterus: Hemi-Uterus) เป็นภาวะที่มดลูกมีการเจริญเติบโตเพียงข้างเดียวเท่านั้น โดยผู้หญิงที่มีภาวะนี้อาจตั้งแครรภ์เองได้ หรือเสี่ยงมีลูกยากก็ได้เช่นกัน แต่ก็ยังเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก เสี่ยงแท้ง หรือเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดได้
มดลูกผิดปกติ รู้ได้ยังไง
ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองมีมดลูกที่ผิดปกติจนกระทั่งเกิดการตั้งครรภ์หรือการแท้งขึ้น เนื่องจากปกติแล้วภาวะมีมดลูกผิดปกติ ไม่มีอาการทางกายใด ๆ ในช่วงไตรมาสแรก หรือหากประจำเดือนมาปกติสม่ำเสมอไม่ได้มีความผิดปกติ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะไม่ได้ตรวจภายในเป็นประจำ จนทำให้กว่าที่จะรู้ตัวว่ามดลูกผิดปกติ ก็ต่อเมื่อมีปัญหาในการตั้งครรภ์ หรือมีการตรวจอัลตราซาวนด์หลังจากประสบภาวะแท้งบุตร
ผู้หญิงบางคนอาจทราบเกี่ยวกับความผิดปกติของมดลูก หากเคยได้รับการตรวจหลังจากการแท้งซ้ำหรือมีปัญหาทางนรีเวช เช่น เลือดออกผิดปกติ แต่อย่างไรก็ตาม การอัลตราซาวนด์ทั่วไปอาจไม่สามารถบอกได้ว่ามดลูกมีความผิดปกติ อาจจะต้องใช้การตรวจด้วยการส่องกล้อง การใช้เครื่อง MRI หรือการอัลตราซาวนด์สามมิติ
ทั้งนี้การรักษามดลูกที่ผิดปกติ อาจจะต้องปรึกษากับแพทย์ถึงความการมีบุตรเสียก่อน เพราะในบางครั้งการผ่าตัดรักษามดลูกที่มีความผิดปกติ อาจจะทำให้ส่งผลต่อภาวะมีบุตรยากได้เช่นกัน ดังนั้นหากคุณผู้หญิงท่านใดมีความประสงค์ที่จะมีบุตร ควรตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อเตรียมความพร้อม และตรวจสอบว่าร่างกายของท่านพร้อมต่อการตั้งครรภ์ในทุก ๆ ด้าน
มดลูกหย่อน
ภาวะมดลูกหย่อน หรือมดลูกต่ำ (Uterine prolapse) เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในอุ้งเชิงกรานยืดและอ่อนตัวลงจนไม่สามารถรองรับมดลูกได้อีกต่อไป ส่งผลให้มดลูกหย่อนหรือยื่นออกมาจากช่องคลอด
ภาวะมดลูกหย่อนส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นให้ผู้หญิงวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน และหรือผู้หญิงที่มีการคลอดทางช่องคลอดหรือคลอดธรรมชาติหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง อาการห้อยยานของมดลูกที่ไม่รุนแรงมักไม่ต้องการการรักษา แต่ภาวะมดลูกหย่อนอาจทำให้ไม่สบายตัวหรือขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวัน ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
อาการมดลูกหย่อน (ระดับปานกลางถึงรุนแรง)
- เห็นหรือรู้สึกว่ามีเนื้อนูนออกมาจากช่องคลอด
- รู้สึกหนักหรือตึงบริเวณกระดูกเชิงกราน
- รู้สึกเหมือนปวดปัสสาวะบ่อยหรือตลอดเวลา
- รู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะขัด หรือไม่สามารถกลั้นปัสสาวะเอาไว้ในระยะเวลาปกติ
- มีอาการปัสสาวะเล็ด จากกิจกรรมต่างๆ หรือเวลาที่ไอหรือจาม
- เวลามีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายตัว
- เวลาเดินหรือเคลื่อนไหว รู้สึกเหมือนมีการเสียดสีระหว่างเนื้อที่นูนออกมาและกางเกงใน
สาเหตุที่ทำให้มดลูกหย่อน
- การคลอดลูกแบบธรรมชาติ และการคลอดลูกเมื่ออายุมาก
- การคลอดที่มีความยาก
- การคลอดทารกที่มีน้ำหนักเยอะตัวใหญ่
- น้ำหนักเกิน
- วัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง
- อาการท้องผูกเรื้อรังหรือการเบ่งอุจจาระบ่อยหรือนาน
- อาการไอเรื้อรังหรือหลอดลมอักเสบ
- การยกของหนักเป็นประจำ
ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
- มีการคลอดทางช่องคลอดมากกว่า 1 ครั้ง
- มีลูกคนแรกตอนอายุมาก
- คลอดทารกตัวใหญ่
- อายุมากขึ้น
- โรคอ้วน
- เคยผ่าตัดบริเวณอุ้งเชิงกราน
- ท้องผูกเรื้อรังหรือเบ่งบ่อยระหว่างการขับถ่าย
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหรือมีภาวะเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอ่อนแอ
- ไอเรื้อรัง เช่น จากการสูบบุหรี่
ป้องกันมดลูกหย่อน
- ป้องกันอาการท้องผูก โดยการดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผลไม้ ผัก ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หากคุณต้องยกของหนักอย่างเลี่ยงไม่ได้ ควรยกด้วยท่าที่ถูกต้อง โดยใช้ขาแทนเอวหรือหลัง
- รีบรักษาอาการไอ หากมีอาการไอเรื้อรังหรือหลอดลมอักเสบ เลิกสูบบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ หากมีน้ำหนักมากหรือข้อจำกัดด้านร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อลดน้ำหนักได้อย่างถูกต้อง
มดลูกอักเสบ
อาการที่เกิดได้บ่อยสำหรับสาวๆ อีกหนึ่งอาการคือ มดลูกอักเสบ โดยสาเหตุมาจากการเป็นปากมดลูกอักเสบ
ปากมดลูกอักเสบ
ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุของโรคนี้ คือการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อย่างหนองในแท้และหนองในเทียม ที่ทำให้บริเวณล่างสุดของมดลูกหรือปากมดลูกเกิดการอักเสบเฉียบพลันขึ้นมาได้ นอกจากนั้นสาเหตุที่ทำให้เกิดมดลูกอักเสบ…
- การแพ้ยาฆ่าเชื้ออสุจิหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดหรือน้ำยางในถุงยางอนามัย ก็อาจนำไปสู่ภาวะปากมดลูกอักเสบได้
- น้ำยาฉีดหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นอวัยวะเพศของผู้หญิง อาจทำให้ช่องคลอดและมดลูกระคายเคือง
- การเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มากเกินไปในช่องคลอด ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ
หากทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โรคปากมดลูกอักเสบจะสามารถแพร่กระจายไปยังเยื่อบุมดลูกและท่อนำไข่ ทำให้กลายเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID) ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่อาจทำให้เกิดปัญหาภาวะเจริญพันธุ์หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา และเนื่องจากปากมดลูกทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันแบคทีเรียและไวรัส ไม่ให้เข้าสู่มดลูก เมื่อปากมดลูกติดเชื้อก็มีความเสี่ยงที่เชื่อจะลามเข้าสู่โพรงมดลูกและปีกมดลูกได้
ในช่วงแรกของการอักเสบ อาจจะยังไม่มีอาการที่แสดงออกอย่างชัดเจนนัก แต่ก็อาจจะมีบางอาการที่บ่งบอกได้ เช่น มีตกขาวผิดปกติจำนวนมาก ปัสสาวะบ่อยและติดขัด เจ็บระหว่างหารมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกระหว่างรอบเดือน มีเลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ (ไม่ใช่ประจำเดือน)
ปีกมดลูกอักเสบ
หากปากมดลูกเกิดการอักเสบโดยไม่ได้รักษาให้หาย ทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง เชื้อโรคอาจลามไปสู่ปีกมดลูก จนทำให้สาว ๆ มีอาการปวดท้องข้างเดียวหรือสองข้าง เจ็บระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ได้มีรอบเดือน ประจำเดือนผิดปกติ มาบ่อยขึ้นหรือช้าลง มากขึ้นหรือน้อยลงจนแตกต่างชัดเจน มีตกขาวผิดปกติ ตัวร้อนมีไข้
ไม่ว่าจะเป็นปากมดลูกอักเสบ หรือปีกมดลูกอักเสบ หากเป็นเรื้อรัง หรือไม่รักษาให้หายขาดแล้วละก็ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนลุกลามกลายเป็นฝีในรังไข่หรือท่อรังไข่ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะมีบุตรยากได้ มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูก และมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมดลูก
ป้องกันมดลูกอักเสบ
- ปรึกษาแพทย์ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง
- มีสุขภาวะที่ดีในการมีเพศสัมพันธ์ เช่น ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีการป้องกันทุกครั้ง
- ตรวจร่างกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก nytimes, acog, fertilityinstitute, med.cmu.ac.th, tommys, mayoclinic, thehealthsite, birthsongbotanicals
นัดหมายปรึกษาแพทย์
iBaby Fertility & Genetic Center
ชั้น 11 อาคารแอทธินี ทาวเวอร์
จันทร์ – เสาร์ เวลา 8.00 – 16.00 น.
สอบถามเพิ่มเติม
Tel : +6621688640
Tel : +6621688641
Tel : +6621688642
Tel : +6621688643
Mail : info@iBabyFertility.com
Line : @iBaby